เมนู

7. ธนัญชานิสูตร



[672] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันสวนที่
ใช้เลี้ยงกระแต เขตพระนครราชคฤห์. สมัยนั้นแล ท่านพระสารีบุตรเที่ยว
จาริกไปในทักขิณาคิรีชนบท พร้อมด้วยภิกษ์สงฆ์หมู่ใหญ่. ครั้งนั้น ภิกษุ
รูปหนึ่งจำพรรษาอยู่ในพระนครราชคฤห์ ได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงทัก-
ขิณาคิรีชนบท ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้
ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
[673] ท่านพระสารีบุตรได้ถามภิกษุนั้นว่า ท่านผู้มีอายุ พระผู้มี
พระภาคเจ้าไม่ทรงพระประชวร และยังทรงพระกำลังอยู่หรือ.
ภิกษุนั้นกราบเรียนว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงพระประชวรและยัง
ทรงพระกำลังอยู่ ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ ก็ภิกษุสงฆ์ไม่ป่วยไข้ และยังมีกำลังอยู่หรือ.
ภิ. แม้ภิกษุสงฆ์ก็ไม่ป่วยไข้ และยังมีกำลังอยู่ ท่านผู้มีอายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ ธนัญชานิพราหมณ์อยู่ที่ใกล้ประตูตัณฑุลปาละ ใน
พระนครราชคฤห์นั้น เขาไม่ป่วยไข้และยังมีกำลังอยู่หรือ.
ภิ. แม้ธนัญชานิพราหมณ์ก็ไม่ป่วยไข้ และยังมีกำลังอยู่ ท่านผู้มี
อายุ.
สา. ท่านผู้มีอายุ ธนัญชานิพราหมณ์ยังเป็นผู้ไม่ประมาทหรือ.
ภิ. ที่ไหนได้ท่านผู้มีอายุ ธนัญชานิพราหมณ์ของเราจะไม่ประมาท.
เขาอาศัยพระราชา เที่ยวปล้นพวกพราหมณ์และคฤหบดี อาศัยพวกพราหมณ์

และคฤหบดีปล้นพระราชา ภริยาของเขาผู้มีศรัทธา ซึ่งนำมาจากสกุลที่มีศรัทธา
ทำกาละเสียแล้ว เขาได้หญิงอื่นมาเป็นภริยาหาศรัทธามิได้ เขานำมาจากสกุลที่
ไม่มีศรัทธา.
สา. ท่านผู้มีอายุ เราได้ฟังว่าธนัญชานิพราหมณ์เป็นผู้ประมาท เป็น
อันได้ฟังชั่วหนอ ทำไฉน เราจะพึงได้พบกับธนัญชานิพราหมณ์บางครั้งบาง
คราว. ทำไฉน จะพึงได้เจรจาปราศรัยกันสักน้อยหนึ่ง
ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรอยู่ในทักขิณาคิรีชนบทคามควรแล้ว จึง
หลีกจาริกไปทางพระนครราชคฤห์ เที่ยวจาริกไปโดยลำดับ ได้ถึงพระนคร-
ราชคฤห์แล้ว.
[674] ได้ยินว่า สมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน
สวนที่ใช้เลี้ยงกระแต ใกล้พระนครราชคฤห์. ครั้งนั้นเวลาเช้า ท่านพระสารี-
บุตรนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังพระนครราชคฤห์ สมัยนั้น ธนัญชานิ
พราหมณ์ใช้คนให้รีดนมโคอยู่ที่คอกโค ภายนอกพระนคร ท่านพระสารีบุตร
เที่ยวบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ ภายหลังภัต กลับจากบิณฑบาตแล้ว
เข้าไปหาธนัญชานิพราหมณ์ถึงที่อยู่ธนัญชานิพราหมณ์ได้เห็นท่านพระสารีบุตร
กำลังมาแต่ไกล จึงเข้าไปหาท่านพระสารีบุตร แล้วได้กล่าวว่า นิมนต์ดื่มน้ำ
นมสดทางนี้เถิด ท่านพระสารีบุตร ท่านยังมีเวลาฉันอาหาร.
สา. อย่าเลยพราหมณ์ วันนี้ฉันทำภัตกิจเสร็จแล้ว ฉันจักพักกลาง
วันที่โคนต้นไม้โน้น ท่านพึงมาในที่นั้น ธนัญชานิพราหมณ์รับคำท่านพระสารี-
บุตรแล้ว. ครั้งนั้น ธนัญชานิพราหมณ์บริโภคอาหารเวลาเช้าเสร็จแล้ว ได้
เข้าไปหาท่านพระสารีบุตร ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการ
ปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง

[675] ท่านพระสารีบุตรได้ถามว่า ธนัญชานิ ท่านเป็นผู้ไม่
ประมาทหรือ.
ธนัญชานิพราหมณ์ได้ตอบว่า ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร ที่ไหนข้าพเจ้า
จะไม่ประมาท เพราะข้าพเจ้าต้องเลี้ยงมารดาบิดา ต้องเลี้ยงบุตรภริยา ต้อง
เลี้ยงพวกทาส กรรมกร และคนรับใช้ ต้องทำกิจสำหรับมิตรและอำมาตย์แก่
มิตรและอำมาตย์ ต้องทำกิจสำหรับญาติสาโลหิต ต้องทำกิจสำหรับแขกแก่แขก
ต้องทำบุญที่ควรทำแก่ปุพเปตชนส่งไปให้ปุพเปตชน ต้องทำการบวงสรวงแก่
พวกเทวดา ต้องทำราชการให้แก่หลวง แม้กายนี้ก็ต้องให้อิ่มหนำ ต้องให้
เจริญ.
[676] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้น เป็นไฉน บุคคล
บางตนในโลกนี้ เป็นผู้พระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุ
แห่งบิดามารดา นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก เพราะเหตุแห่ง
การประพฤติไม่ชอบธรรนและประพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนา
หรือว่า เราเป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
มารดาบิดา ขอนายนิรยบาลอยู่พึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือมารดาบิดาของ
ผู้นั้นจะพึงได้ตามความปรารถนาว่า ผู้นี้เป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเราทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไป
นรกเลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านสารีบุตร ที่แท้ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญมากมาย
นายนิรยบาลก็พึงโยนลงในนรกจนได้.
[677] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
บางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุ
แห่งบุตรและภริยา นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าผู้นั้นไปนรก เพราะเหตุแห่งการ

พระพฤติไม่ชอบธรรมและพระพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนา
หรือหนอว่าเราประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งบุตร
และภริยา ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือว่าบุตรและภริยา
ของผู้นั้น จะพึงได้ตามความปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเราทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไปนรก
เลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญ
มากมาย นายนิรยบาลก็พึงโยนลงในนรกจนได้.
[678] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
บางคนในโลกนี้ พระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
ทาสกรรมกรและคนรับใช้ นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปนรก เพราะ
เหตุแห่งการพระพฤติไม่ชอบธรรมและพระพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความ
ปรารถนาหรือหนอว่า เราเป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิธรรม
เพราะเหตุแห่งทาส กรรมกรและคนรับ ใช้ ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเรา
ไปนรกเลย หรือว่าพวกทาส กรรมกรและคนรับใช้ของเขาจะพึงได้ตามความ
ปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
เราทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไปนรกเลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญมาก
มาย นายนิรยบาลก็พึงโยนเขาลงในนรกจนได้.
[679] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้น เป็นไฉน บุคคล
บางคนในโลกนี้ พระพฤติไม่ชอบธรรม พระพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห ง
มิตรและอำมาตย์ นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้น ไปยังนรก เพราะเหตุแห่ง
การประพฤติไม่ชอบธรรมและประพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนา

หรือหนอว่า เราเป็นผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุ
แห่งมิตรและอำมาตย์ ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือว่ามิตร
และอำมาตย์ของเขาพึงได้ตามความปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม
ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเราทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่า
เขาไปนรกเลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญ
มากมาย นายนิรยบาลก็พึงโยนเขาลงในนรกจนได้.
[680] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
บางคนโนโลกนี้ ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
ญาติสาโลหิต นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก เพราะเหตุแห่งการ
ประพฤติไม่ชอบธรรมและประพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนา
หรือหนอว่าเราประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งญาติ-
สาโลหิต ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือว่าญาติสาโลหิตของ
เขาจะพึงได้ตามความปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม
เพราะเหตุแห่งเราทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไปนรกเลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญ
มากมาย นายนิรยบาลก็พึงโยนเขาลงในนรกจนได้.
[681] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
บางคนในโลกนี้ พระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งแขก
นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก เพราะเหตุแห่งการประพฤติไม่
ชอบธรรมและประพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนาหรือหนอว่า
เราพระพฤติไม่ชอบธรรม พระพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเขา ขอนาย

นิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือว่าแขกของเขาจะพึงได้ตามความ
ปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเรา
ทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไปนรกเลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญ
มากมาย นายนิรยบาลก็พึงโยนเขาลงในนรกจนได้.
[682] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
บางคนในโลกนี้ พระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
ปุพเปตชน นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก เพราะเหตุแห่งการ
ประพฤติไม่ชอบธรรมและประพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนา
หรือหนอว่า เราประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
ปุพเปตชน ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือว่าปุพเปตชน
ของเขาจะพึงได้ตามความปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเราทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไป
นรกเลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญ
มากมาย นายนิรยบาลก็พึงโยนเขาลงในนรกจนได้.
[683] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
บางคนในโลกนี้ ประพฤติไม่ชอบธรรม พระพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
เทวดา นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก เพราะเหตุแห่งการ
ประพฤติไม่ชอบธรรมและประพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนา
หรือหนอว่า เราประพฤติไม่ชอบธรรม พระพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
เทวดา ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือว่าเทวดาของเขาจะ

พึงได้ตามความปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม
เพราะเหตุแห่งเราทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไปนรกเลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญ
มากมาย นายนิรยบาลก็พึงโยนเขาลงในนรกจนได้.
[684] ส. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
บางคนในโลกนี้ พระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
พระราชา นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้นไปยังนรก เพราะเหตุแห่งการ
พระพฤติไม่ชอบธรรมและประพฤติผิดธรรม เขาจะพึงได้ตามความปรารถนา
หรือหนอว่า เราพระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่ง
พระราชา ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือว่าพระราชาของ
ผู้นั้นจะพึงได้ตามความปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเราทั้งหลาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไป
นรกเลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญ
มากมาย นายนิรยบาลก็พึงโยนเขาลงในนรกจนได้.
[685] สา. ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติไม่ชอบธรรม พระพฤติผิดธรรม เพราะเหตุ
แห่งการเลี้ยงกาย เพราะเหตุทำนุบำรุงกาย นายนิรยบาลจะพึงฉุดคร่าเขาผู้นั้น
ไปยังนรก เพราะเหตุแห่งการประพฤติไม่ชอบธรรมและประพฤติผิดธรรม
เขาจะพึงได้ตามความปรารถนาหรือหนอว่า เราประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุการณ์เลี้ยงกาย เพราะเหตุการณ์ทำนุบำรุงกาย ขอนายนิรยบาล
อย่าพึงฉุดคร่าเราไปนรกเลย หรือว่าชนเหล่าอื่นของเขาจะพึงได้ตามความ
ปรารถนาว่า ผู้นี้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุการณ์

เลี้ยงกาย เพราะเหตุทำนุบำรุงกาย ขอนายนิรยบาลอย่าพึงฉุดคร่าเขาไปนรก
เลย.
ธ. ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านพระสารีบุตร ที่แท้ ถึงผู้นั้นจะคร่ำครวญ
มากมาย นายนิรยบาลก็พึงโยนเขาลงในนรกจนได้.
[686] สา. ดูก่อนธนัญชานี ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน
บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา
กับบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา
ไหนจะประเสริฐกว่ากัน.
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร ผู้ที่ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา ไม่ประเสริฐ ส่วนผู้ประพฤติชอบธรรม
ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งมารดาบิดา ประเสริฐ ด้วยว่าการประพฤติ
ชอบธรรมและการประพฤติถูกธรรม ประเสริฐกว่าการประพฤติไม่ชอบธรรม
และการประพฤติผิดธรรม.
สา. ธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม เป็น
เครื่องให้บุคคลอาจเลี้ยงมารดาบิดาได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก และให้ปฏิบัติ
ปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่.
[687] ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลผู้
พระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งบุตรและภริยา กับ
บุคคลผู้พระพฤติชอบธรรม พระพฤติถูกธรรม เพราะเหตุบุตรและภริยา
ไหนจะประเสริฐกว่ากัน.
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งบุตรและภริยา ไม่ประเสริฐ ส่วนบุคคลผู้ประพฤติ
ชอบธรรม พระพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งบุตรและภริยา ประเสริฐ

ด้วยว่าการพระพฤติชอบธรรมและการประพฤติถูกธรรม ประเสริฐกว่าการ
พระพฤติไม่ชอบธรรม และการพระพฤติผิดธรรม.
ส. ธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม เป็น
เครื่องให้บุคคลอาจเลี้ยงบุตรและภริยาได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก และให้
ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้. มีอยู่.
[688] ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
ผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งพวกทาส กรรมกร
และคนรับใช้ กับบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม พระพฤติถูกธรรม เพราะเหตุ
แห่งพวกทาส กรรมกรและคนรับ ใช้ ไหนจะประเสริฐกว่ากัน.
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้พระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งพวกทาส กรรมกรและคนรับใช้ ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งพวกทาส
กรรมกรและคนรับใช้ ประเสริฐ ด้วยว่าการประพฤติชอบธรรมและการประพฤติ
ถูกธรรม ประเสริฐกว่าการประพฤติไม่ชอบธรรมและการประพฤติผิดธรรม
สา. ดูก่อนธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม
เป็นเครื่องให้บุคคลอาจเลี้ยงพวกทาส กรรมกรและคนรับใช้ได้ ไม่ต้องกระทำ
กรรมอันลามก และให้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่.
[689] ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
ผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์
กับบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม และประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งมิตร
และอำมาตย์ ไหนจะประเสริฐกว่ากัน .
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์ ไม่ประเสริฐ ส่วนบุคคลผู้ประพฤติ

ชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งมิตรและอำมาตย์ ประเสริฐ
ด้วยว่าการประพฤติชอบธรรมและการประพฤติถูกธรรม ประเสริฐกว่าการ
ประพฤติไม่ชอบธรรมและการประพฤติผิดธรรม.
สา. ดูก่อนธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตะ ประกอบด้วยธรรม
เป็นเครื่องให้บุคคลอาจทำกรณียกิจแก่มิตรและอำมาตย์ได้ ไม่ต้องทำกรรมอัน
ลามกและให้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่.
[690] ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลผู้
ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต
กับบุคคลผู้พระพฤติชอบธรรม พระพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต
ไหนจะประเสริฐกว่ากัน.
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต ไม่ประเสริฐ ส่วนบุคคลผู้ประพฤติ
ชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งญาติสาโลหิต ประเสริฐ ด้วยว่า
การประพฤติชอบธรรม และการพระพฤติถูกธรรม ประเสริฐกว่าการพระพฤติ
ไม่ชอบธรรม และการพระพฤติผิดธรรม.
สา. ดูก่อนธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม
เป็นเครื่องให้บุคคลอาจทำกรณียกิจแก่ญาติสาโลหิตได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก
และให้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่ .
[691] ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลผู้
พระพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งแขก กับบุคคลผู้
ประพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งแขก ไหนจะประเสริฐ
กว่ากัน.

ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหติแห่งแขก ไม่ประเสริฐ ส่วนบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม
พระพฤติถูกธรรม ประเสริฐ ด้วยว่าการประพฤติชอบธรรมและการประพฤติ
ถูกธรรม ประเสริฐกว่าการประพฤติไม่ชอบธรรมและการพระพฤติผิดธรรม.
สา. ดูก่อนธนัญชานิ การงานอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม เป็น
เครื่องให้บุคคลอาจทำกรณียกิจแก่แขกได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก และให้
ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่.
[692] ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
ผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งปุพเปตชน กับ
บุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรมเพราะเหตุแห่งปุพเปตชน
ไหนจะประเสริฐกว่ากัน .
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งปุพเปตชน ไม่ประเสริฐ ส่วนบุคคลผู้ประพฤติ
ชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม ประเสริฐ ด้วยว่าการพระพฤติชอบธรรมและ
การประพฤติถูกธรรม ประเสริฐกว่าการประพฤติไม่ชอบธรรมและการประพฤติ
ผิดธรรม.
สา. ดูก่อนธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม
เป็นเครื่องให้บุคคลอาจทำกรณียกิจแก่ปุพเปตชนได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก
และให้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่.
[693] ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
ผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเทวดา กับบุคคล
ผู้พระพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งเทวดา ไหนจะ
ประเสริฐกว่ากัน.

ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งเทวดา ไม่ประเสริฐ ส่วนบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม
ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งเทวดา ประเสริฐ ด้วยว่าการประพฤติ
ชอบธรรมและการประพฤติถูกธรรม ประเสริฐกว่าการประพฤติไม่ชอบธรรม
และการประพฤติผิดธรรม.
สา. ดูก่อนธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม
เป็นเครื่องให้บุคคลอาจทำกรณียกิจแก่เทวดาได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก
และให้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่.
[694] ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
ผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม พระพฤติผิดธรรม เพราะเหตุแห่งพระราชา กับบุคคล
ผู้ประพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งพระราชา ไหนจะ
ประเสริฐกว่ากัน.
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม เพราะเหตุแห่งพระราชา ไม่ประเสริฐ ส่วนบุคคลผู้ประพฤติ
ชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุแห่งพระราชา ประเสริฐ ด้วยว่า
การประพฤติชอบธรรมและการประพฤติถูกธรรม ประเสริฐกว่าการประพฤติ
ไม่ชอบธรรมและการพระพฤติผิดธรรม.
สา. ดูก่อนธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม
เป็นเครื่องให้บุคคลอาจทำกรณียกิจแห่งพระราชาได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก
และให้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่.
[695] ดูก่อนธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคล
ผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติผิดธรรม เพราะเหตุการเลี้ยงกาย เพราะ

เหตุทำนุบำรุงกาย กับบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะ
เหตุการเลี้ยงกาย เพราะเหตุการทำนุบำรุงกาย ไหนจะประเสริฐกว่ากัน.
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคลผู้ประพฤติไม่ชอบธรรม ประพฤติ
ผิดธรรม. เพราะเหตุการเลี้ยงกาย เพราะเหตุทำนุบำรุงกาย ไม่ประเสริฐ
ส่วนบุคคลผู้ประพฤติชอบธรรม ประพฤติถูกธรรม เพราะเหตุการเลี้ยงกาย
เพราะเหตุทำนุบำรุงกาย ประเสริฐ ด้วยว่าการพระพฤติชอบธรรมและการ
ประพฤติถูกธรรม ประเสริฐกว่าการประพฤติไม่ชอบธรรมและการประพฤติ
ผิดธรรม.
สา. ดูก่อนธนัญชานิ การงานอย่างอื่นที่มีเหตุ ประกอบด้วยธรรม
เป็นเครื่องให้บุคคลอาจเลี้ยงกาย ทำนุบำรุงกายได้ ไม่ต้องทำกรรมอันลามก
และให้ปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นบุญได้ มีอยู่.
ครั้งนั้นแล ธนัญชานิพราหมณ์ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของท่านพระ-
สารีบุตรลุกจากอาสนะหลีกไปแล้ว.
[696] ครั้นสมัยต่อมา ธนัญชานิพราหมณ์เป็นผู้อาพาธ ได้รับทุกข์
เป็นไข้หนัก จึงเรียกบุรุษคนหนึ่งมาว่า บุรุษผู้เจริญ มานี่เถิดท่าน ท่านจง
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ จงถวายบังคมพระบาทของพระผู้มี-
พระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า ตามคำของเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธนัญชานิ-
พราหมณ์อาพาธได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก เขาขอถวายบังคมพระบาทของพระผู้มี-
พระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า และจงเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ แล้วจง
ไหว้เท้าท่านพระสารีบุตรตามคำของเราว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ธนัญชานิ-
พราหมณ์อาพาธ ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก เขาไหว้เท้าท่านพระสารีบุตรด้วย
เศียรเกล้า และจงเรียนท่านอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอโอกาส

ขอท่านพระสารีบุตรจงอาศัยความอนุเคราะห์เข้าไปยังนิเวศน์ของธนัญชานิ-
พราหมณ์เถิด.
[697] บุรุษนั้นรับคำธนัญชานิพราหมณ์แล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
พระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธนัญชานิพราหมณ์
อาพาธ ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก เขาถวายบังคมพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ด้วยเศียรเกล้า แล้วได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ไหว้ท่านพระสารีบุตร
แล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้เรียนท่านพระสารีบุตรว่า ข้าแต่ท่าน
ผู้เจริญ ธนัญชานิพราหมณ์อาพาธได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก เขาไหว้เท้าของ
ท่านพระสารีบุตรด้วยเศียรเกล้า และสั่งมาอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้า
ขอโอกาส ขอท่านพระสารีบุตรจงอาศัยความอนุเคราะห์เข้าไปยังนิเวศน์ของ
ธนัญชานิพราหมณ์เถิด ท่านพระสารีบุตรรับนิมนต์ด้วยอาการดุษณีภาพ.
[698] ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้า
ไปยังนิเวศน์ของธนัญชานิพราหมณ์ แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวาย ได้ถาม
ธนัญชานิพราหมณ์ว่า ดูก่อนธนัญชานิ ท่านยังพอทนได้หรือ พอจะยังชีวิต
ให้เป็นไปได้หรือ ทุกขเวทนาค่อยถอยลงไม่เจริญขึ้นหรือ อาการปรากฏค่อย
คลายไม่ทวีขึ้นหรือ.
[699] ธนัญชานิพราหมณ์กราบเรียนว่า ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร
ข้าพเจ้าทนไม่ไหว จะยังชีวิตให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพเจ้ากล้านัก
เจริญขึ้นไม่ถอยเลย ปรากฏอาการทวียิ่งขึ้น ไม่ลดถอย ข้าแต่ท่านพระสารี-
บุตรผู้เจริญ เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลัง เอาเหล็กแหลมคมกดศีรษะ ฉันใด
ข้าพเจ้าก็ฉันนั้นแล ลมเสียดแทงศีรษะกล้านัก ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร ข้าพเจ้า
ทนไม่ไหว จะยังชีวิตให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพเจ้ากล้านัก เจริญ

ขึ้น ไม่ถอยเลย ปรากฏอาการทวียิ่งขึ้นไม่ลดถอย เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลัง
เอาเส้นเชือกที่เขม็งมัดรัดศีรษะฉันใด เวทนาในศีรษะของข้าพเจ้าก็เหลือทน
ฉันนั้น ข้าพเจ้าทนไม่ไหว จะยังชีวิตให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพเจ้า
กล้านัก เจริญขึ้น ไม่ถอยเลยปรากฏอาการทวีขึ้น ไม่ลดถอย ข้าแต่ท่านพระ-
สารีบุตร เปรียบเหมือนนายโคฆาตหรือลูกมือนายโคฆาตผู้ชำนาญ เอามีด
สำหรับเชื้อเนื้อโคอันคมมาเชือดท้องฉันใด ข้าพเจ้าก็ฉันนั้น ลมเสียดท้องกล้า
นัก ข้าพเจ้าทนไม่ไหว จะยังชีวิตให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนาของข้าพเจ้ากล้า
นัก เจริญยิ่งขึ้น ไม่ถอยเลย ปรากฏอากาวทวีขึ้น ไม่ลดถอย ข้าแต่ท่าน
พระสารีบุตร เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลังสองคน ช่วยกันจับบุรุษมีกำลังน้อย
กว่าคนละแขน รมย่างไว้ที่หลุมถ่านเพลิง ฉันใด ในกายของข้าพเจ้าก็ร้อน
เหลือทน ฉันนั้น ข้าพเจ้าทนไม่ไหว จะยังชีวิตให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนา
ของข้าพเจ้ากล้านัก ทวีขึ้นไม่ถอยเลย ปรากฏอาการทวีขึ้น ไม่ลดถอย.
[700] สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน นรก
กับ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานดีกว่านรก ท่านพระสารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน กำเนิดสัตว์
ดิรัจฉานกับปิตติวิสัย ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. ปิตติวิสัยดีกว่ากำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ท่านพระสารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนี้เป็นไฉน ปิตติวิสัยกับมนุษย์
ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. มนุษย์ดีกว่าปิตติวิสัย ท่านพระสารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน มนุษย์กับเทวดา
ชั้นจาตุมหาราช ไหนจะดีกว่ากัน .

ธ. เทวดาชั้นจาตุมหาราชดีกว่ามนุษย์ ท่านพระสารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน เทวดาชั้นจาตุ-
มหาราชกับเทวดาชั้นดาวดึงส์ ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. เทวดาชั้นดาวดึงส์ดีกว่าเทวดาชั้นจาตุมหาราช ท่านพระสารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน เทวดาชั้นดาว-
ดึงส์กับเทวดาชั้นยามา ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. เทวดาชั้นยามาดีกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ ท่านพระสารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน เทวดาชั้นยามา
กับเทวดาชั้นดุสิต ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. เทวดาชั้นดุสิตดีกว่าเทวดาชั้นยามา ท่านพระสารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจควานข้อนั้นเป็นไฉน เทวดาชั้นดุสิตกับ
เทวดาชั้นนิมมานรดี ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. เทวดาชั้นนิมมานรดีดีกว่าเทวดาชั้นดุสิต ท่านพระสารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน เทวดาชั้นนิมมา-
นรดีกับเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดีดีกว่าเทวดาชั้นนิมมานรดี ท่านพระ-
สารีบุตร.
สา. ธนัญชานิ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน เทวดาชั้นปรินิม-
มิตวสวัตดีกับพรหมโลก ไหนจะดีกว่ากัน.
ธ. ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า พรหมโลก ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า
พรหมโลก หรือ.
ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรมีความดำริว่า พราหมณ์เหล่านี้ น้อมใจ
ไปในพรหมโลก ถ้ากระไร เราพึงแสดงทางเพื่อความเป็นสหายกับพรหมแก่

ธนัญชานิพราหมณ์เถิด ดังนี้ แล้วจึงกล่าวว่า ธนัญชานิ เราจักแสดทาง
เพื่อความเป็นสหายกับพรหม ท่านจงฟัง จงตั้งใจให้ดี เราจักกล่าว ธนัญชานิ
พราหมณ์รับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว.
[701] ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า ธนัญชานิ ก็ทางเพื่อความเป็น
สหายกับพรหมเป็นไฉน ดูก่อนธนัญชานิ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีใจประกอบ
ด้วยเมตตา แผ่ไปสู่ทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ 2 ทิศที่ 3 ทิศที่ 4 ก็เหมือนกัน ตาม
นัยนี้ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า
เพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั่วหน้า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจอันประกอบด้วยเมตตาอัน
ไพบูลเป็นมหัคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ แม้
ข้อนี้ก็เป็นทางเพื่อความเป็นสหายกับพรหม ธนัญชานิ อีกประการหนึ่ง ภิกษุ
มีใจประกอบด้วยกรุณา... มีใจประกอบด้วยมุทิตา... มีใจประกอบด้วย
อุเบกขา แผ่ไปสู่ทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ 2 ทิศที่ 3 ทิศที่ 4 ก็เหมือนกัน ตามนัย
นี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า
เพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั่วหน้า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจอันประกอบด้วยอุเบกขา
อันไพบูล เป็นมหัคคตะหาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
นี้แล เป็นทางเพื่อความเป็นสหายกับพรหม.
ธ. ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร ถ้าเช่นนั้น ขอท่านจงถวายบังคมพระบาท
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า ตามคำของข้าพเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย ได้รับทุกข์ เป็นไข้หนัก เขาถวายบังคม
พระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า.
[702] ครั้งนั้นแล ท่านพระสารีบุตรได้ประดิษฐานธนัญชานิ
พราหมณ์ไว้ในพรหมโลกชั้นต่ำ ในเมื่อยังมีกิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นได้ แล้วลุก
จากอาสนะหลีกไปไม่นาน ธนัญชานิพราหมณ์ทำกาละแล้วไปบังเกิดยังพรหม

โลก ครั้นนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ภิกษุทั้งหลาย
สารีบุตรนี้ได้ประดิษฐานธนัญชานิพราหมณ์ไว้ในพรหมโลกชั้นต่ำ ในเมื่อยังมี
กิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นได้ แล้วลุกจากอาสนะหลีกไป.
[703] ครั้นนั้น ท่านพระสารีบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง
ที่ประทับถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้ว
ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธนัญชานิพราหมณ์ป่วย ได้รับทุกข์
เป็นไข้หนัก เขาถวายบังคมพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สารีบุตร ทำไมเธอจึงประดิษฐานธนัญชานิ
พราหมณ์ไว้ในพรหมโลกชั้นต่ำ ในเมื่อยังมีกิจอันพึงทำให้ยิ่งขึ้นไปได้ แล้ว
ลุกจากอาสนะหลีกไปเล่า.
สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์มีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า
พราหมณ์เหล่านั้นน้อมใจไปพรหมโลก ถ้ากระไร เราพึงแสดงทางเพื่อความเป็น
สหายกับพรหมแก่ธนัญชานิพราหมณ์เกิด ดังนี้ พระเจ้าข้า.
พ. สารีบุตร ธนัญชานิพราหมณ์ทำกาละไปบังเกิดในพรหมโลกแล้ว
ฉะนั้นแล.

จบธนัญชานิสูตรที่ 7

อรรถกถาธนัญชานิสูตร



ธนัญชานิสูตรขึ้นต้นว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ในทักขิณาคิรีชนบท ความว่า ภูเขา
ชื่อ คิรี. คำนี้เป็นชื่อของชนบทในด้านทิศทักษิณแห่งภูเขาที่ตั้งล้อมกรุง
ราชคฤห์. บทว่า ที่ประตูตัณฑุลปาละ ความว่า กรุงราชคฤห์มีประตูใหญ่
32 ประตู ประตูเล็ก 64 ประตู. บรรดาประตูเหล่านั้น ประตูแห่งหนึ่งชื่อว่า
ประตูตัณฑุปาละ. ท่านธรรมสังคาหกาจารย์ กล่าวหมายเอาประตูตัณฑุลปาละ
นั้น. คำว่า อาศัยพระราชา ความว่า ธนัญชานิพราหมณ์อันพระราชาทรง
ส่งไปว่า จงไปเก็บส่วนแบ่งข้าวกล้าโดยไม่เบียดเบียนประชาชน เขาไปเก็บ
เอาข้าวกล้ามาหมดเลย และเป็นผู้อันประชาชนพูดว่า ท่านผู้เจริญ อย่าทำ
พวกข้าพเจ้าให้ฉิบหาย กลับกล่าวว่า ข้าวกล้าที่หว่านไว้ในราชสกุลมีน้อย
พระราชาทรงสั่งเราอย่างนี้ในเวลาที่จะมาทีเดียว พวกท่านอย่าได้คร่ำครวญไป
เลย. ธนัญชานิพราหมณ์อาศัยพระราชาอย่างนี้ ชื่อว่า ย่อมปล้นพราหมณ์และ
คหบดีทั้งหลาย. ข้าวเข้าบ้านตนโดยส่วนมาก ส่งเข้าราชสกุลมีประมาณ
น้อยแล. และถูกพระราชาตรัสถามว่า ท่านไม่ได้ทำการบีบบังคับพราหมณ์
และคหบดีทั้งหลายหรือ ก็กราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่มหาราช ในวาระนี้
นามีข้าวกล้าน้อย เพราะฉะนั้น เมื่อข้าพระพุทธเจ้าไม่บีบบังคับเก็บเอา จึงไม่
มากแล. ธนัญชานิพราหมณ์อาศัยพราหมณ์และคหบดีทั้งหลายอย่างนี้ปล้น
พระราชา. คำว่า จงดื่มน้ำนมสด ความว่า จงดื่มน้ำนมสดอ่อน ๆ. คำว่า
แห่งภัตตาหารก่อน ความว่า เวลาภัตตาหารจักมีตราบเท่าที่ท่านนั่งดื่มนมสด.
ธนัญชานิพราหมณ์แสดงว่า ชนทั้งหลายจักนำอาหารเข้ามาเพื่อเราทั้งหลาย ณ